อืม ใครที่ชอบยกตัวอย่างจีนขึ้นมาเสมอควรอ่านนิสสสนะครับ
ในฐานะคนที่เรียนมาทางประวัติศาสตร์จีนสมัยใหม่และทำอาชีพเลี้ยงปากท้องด้วยการสอนและทำวิจัยเกี่ยวกับประวัติศาสตร์จีนสมัยใหม่มาบ้าง รู้สึกหงุดหงิดที่สุดกับการยกจีนขึ้นมาเป็นตัวอย่าง เป็นหลักฐานสนับสนุน หรือเป็นข้ออ้างใน 2 กรณีหลักซึ่งเห็นได้ใน Facebook บ่อยครั้งดังต่อไปนี้
1. จะบ้าคลั่งเรียกร้องประชาธิปไตยไปถึงไหน จีนเป็นเผด็จการยังเจริญมาเป็นคู่แข่งอเมริกาได้เลย
อธิบาย: จีนไม่ได้เป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจและการเมืองโลกดังเช่นที่เราเห็นกันในข่าวอย่างทุกวันนี้มาแต่ไหนแต่ไรนะคะ จริงๆ จีนเพิ่งเปิดประเทศสู่ระบบตลาดโลกเมื่อปี ค.ศ.1978 (พ.ศ.2521) นี้เอง ก่อนหน้านั้นจีนก็ผ่านการเป็นสังคมนิยมแบบเหมาอิสต์ซ้ายจัดที่เรียกว่า การปฏิวัติวัฒนธรรม มายาวนานถึง 10 ปีเต็ม เป็นภาวะโกลาหลวุ่นวาย มีการล่าแม่มด ล้างสมอง และใช้ความรุนแรงปราบปรามกำจัดผู้เห็นต่างจนน่าจะมีคนตายไปเป็นหลัก 10 ล้าน (แต่จนบัดนี้ก็ยังไม่อาจทราบได้แน่ชัดเพราะรัฐบาลจีนปิดกั้นข้อมูล) และแม้เมื่อมาถึงทุกวันนี้จีนรวยแล้วจีนก็ยังอยู่ในกลุ่มประเทศที่มีการละเมิดสิทธิมนุษยชนมากที่สุด ถ้าคุณเกิดในแผ่นดินจีนแล้วบังเอิญเป็นลูกนักธุรกิจผู้มีอันจะกินในเซี่ยงไฮ้ก็เป็นบุญของคุณ และคุณก็คงจะไม่คิดว่าเผด็จการของพรรคคอมมิวนิสต์จีนเป็นเรื่องเลวร้าย แต่ถ้าคุณเกิดเป็นมุสลิมอุยกูร์ในซินเจียงคุณก็คงจะไม่ค่อยชอบเท่าไหร่เพราะคุณต้องโดนจับไปปรับทัศนคติด้วยวิธีการรุนแรงป่าเถื่อน หรือถ้าคุณเป็นเกษตรกรยากจนหรือแรงงานในภาคอุตสาหกรรม คุณก็อาจจะมีคุณภาพชีวิตที่แย่มากและจะต่อสู้เรียกร้องอะไรกับรัฐก็ไม่ได้เพราะรัฐเป็นเผด็จการ หรือจะเรียกร้องความเป็นธรรมจากประชาคมโลกก็ยากอีก เพราะรัฐปิดกั้นควบคุมสื่อและข้อมูลข่าวสารทั้งที่จะเข้าและออกจากประเทศอย่างเข้มข้น คุณไม่น่าจะอยากให้ประเทศเราเป็นแบบจีนหรอกถ้าคิดดูดีๆ และโดยพื้นฐานที่สุดคนที่จะเรียกร้องให้ประเทศเราเป็นแบบจีนก็ควรจะระวัง ม.112 ด้วยนะคะ เพราะจะเป็นแบบจีนได้ต้องไม่มีสถาบันกษัตริย์ค่ะ
2. ประธานเหมาจงเจริญ เมื่อฟ้าสีทองผ่องอำไพ เราจะเป็นใหญ่ในแผ่นดิน คนรุ่นใหม่ต้องเป็นผู้นำในการสร้างสังคมใหม่ที่เท่าเทียมกัน แล้วโพสต์มีมปฏิวัติวัฒนธรรมกับแฟชั่นเรดการ์ดรัวๆ
อธิบาย: อันนี้พบมากในกลุ่มคนรุ่นใหม่หรือรุ่นเก่าที่มีการศึกษาหน่อยและอยากจะคิดว่าตัวเอง “ก้าวหน้า” ขอความกรุณาจากก้นบึ้งของหัวใจว่าอย่า romanticize ทั้งเรดการ์ดและการปฏิวัติวัฒนธรรม เพราะไม่ว่ามันจะตั้งต้นด้วยความตั้งใจดีสักเท่าไรก็ตาม ท้ายที่สุดแล้วมันก็ลงเอยด้วยการเป็นลัทธิบูชาตัวบุคคล และก็เหมือนดังเช่นทุกสถานการณ์ที่ลัทธิบูชาตัวบุคคลเข้ามาครอบงำการเมือง ไม่ว่าจะเป็นระบอบหรืออุดมการณ์ใดๆ ทั้งฟาสซิสต์ คอมมิวนิสต์ เหมาอิสต์ และระบอบกษัตริย์มันก็ล้วนแล้วแต่สร้างความฉิบหายวายป่วงให้สังคมนั้นๆ โดยสิ้นเชิงทั้งสิ้น สังคมไทยก็บอบช้ำมามากแล้วจากลัทธิบูชาตัวบุคคล ได้โปรดอย่าสนับสนุนแนวโน้มนั้นหรือทำให้ใครเข้าใจผิดว่ามันเท่อีกเลย ความฉิบหายมันเกิดกับสังคมจีนอยู่สิบปีเต็ม คนตายเป็นหลักสิบล้าน มันไม่เท่หรอกค่ะ มัน sick และ ignorant